ทุกข์ได้ก็สุขได้
ไม่น่ารักได้ก็น่ารักได้
ความทุกข์ความสุขความน่ารัก
ความไม่น่ารักเป็นส่วนผสมที่อยู่ในชีวิตเราทุกคน
เราไม่สามารถเลือกเฉพาะความสุขกับความน่ารักอย่างเดียวได้
โลกของจิตวิทยาเชิงบวกไม่ได้บอกว่าให้เราเลือกเอาแต่ความสุข
แต่ชี้ให้เห็นว่า หากเราเลือกสร้างชีวิตบนคุณลักษณะเชิงบวกของตัวเอง
เช่นความคิดที่สดใส การมองโลกอย่างมีความหวัง มีความรัก
และการกระตื้อรื้อร้นจากทุกสิ่ง หรือเลือกทำในสิ่งที่เราเชี่ยวชาญ
แทนที่จะไม่หมกมุ่นอยู่กับซ่อมแซมบ้างสิ่งที่ซ่อมไม่ได้ในเวลาอันสั้น เช่น
ความโกรธ อารมณ์เจ้าคอดเจ้าแค้น ความทุกข์ใจที่ไม่เก่งคณิตศาสตร์
หรือรูปร่างหน้าที่ไม่ถูกใจตัวเองแล้วชีวิตของเราก็น่าจะมีความสุขอย่างแท้จริงขึ้นมาได้พอสมควร
แน่นอนว่าคุณลักษณะด้านลบเป็นสิ่งที่ต้องดูแลแก้ไข แต่การเอาเวลาทั้งหมดไป ซ่อม
นั้น เมื่องานเสร็จเราก็แค่เดินผ่านจุดติดลบนั้นมาถึง ศูนย์ เท่านั้นเอง
แล้วเมื่อไรชีวิตจะเข้าสู้ โซนบวกสักทีล่ะค่ะ
ในห้วงเวลาหนึ่งเรามีความคิดได้แบบเดียว
ทำกิจกรรมได้แบบเดียว ถ้าเราเลือกคิดเรื่องบวกๆ ทำเรื่องบวกๆ
ก็ไม่จำเป็นต้องลงแรงไปห้ามความคิดลบๆ เพราะมันจะอยู่ไม่ได้เองตามธรรมชาติ
เหมือนกับคนที่เป็นหนี้แม้แต่คนที่เราชำระหนี้ไป
แต่เราก็ควรเก็บเงินบ้างส่วนไว้ลงทุนขยายกิจการ
หรือกันไว้เป็นเงินเก็บยามฉุกเฉินด้วย
เรื่องลบกับเรื่องบวกสามารถดำเนินไปด้วยกันได้
หลักการนี้ไม่ได้บอกให้เราเพิกเฉยหรือเก็บกดความทุกข์
แต่เป็นการลงทุนในเรื่องบวกให้ค่อยๆเพิ่มขึ้น และดูแลเรื่องลบให้ค่อยๆลดลงในชีวิต
นี่เองค่ะ
ทริคง่ายๆของโลกจิตวิทยาเชิงบวก
แค่เริ่มจากมุมบวกมากๆแล้วต่อให้เราทำพลาดแค่ไหน
อย่างไรก็คงหล่นมาอยู่แค่ บวกหนึ่ง หรือ ศูนย์
แต่คงไม่หล่นไปถึงชีวิตติดลบได้
ความคิดเชิงบวกทำให้เกิดพฤติกรรมเชิงบวกและนำไปสู้ชีวิตเชิงบวกได้ในที่สุดค่ะ
คนที่มีความสุขเป็นพิเศษในสังคม
ครั้งหนึ่งนักจิตวิทยาอยากรู้มากว่า
คนที่มีความสุข สดชื่น แจ่มใส เป็นคนพิเศษในสังคมนั้น เขามีชีวิตเป็นสุข สะดวก
สบายกว่าคนอื่นๆมากแค่ไหน
อะไรทำให้เขายิ้มได้ตลอดเวลาจะเป็นเพราะเขามีเงินมากกว่าเรา หรือมีชีวิตคู่ที่ดีกว่ามีบ้านสวยๆมีลูกน่ารักๆหรือเปล่า
อะไรคือคำตอบกันแน่ ปรากฏว่าเมื่อปี 2545
นักวิจัยกลุ่มดร.เซลิกแมน และ ดร.ไดเนอร์ ได้ไปสัมภาษณ์และสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
กลับพบว่าคนกลุ่มนี่ก็มีเรื่องให้กลุ่มใจ เช่น เรื่องอกหักรักร้าว สอบตก
ไม่ได้รับเดือนขึ้น พ่อแม่เสียชีวิต อย่าร้าง ด้วยอัตราที่เท่าๆกับคนทั่วไป
พูดง่ายๆก็คือ เขาไม่ได้มีชีวิตที่ง่ายกว่าพวกเราเลย
แต่อะไรกันที่ทำให้เขามีความสุขกว่างานวิจัยพบว่า
ที่สองปัจจัยที่ทำให้พวกเขามีความพิเศษ
หนึ่งคือ
วิธีตีความปัญหา พวกเขามีวิธีตีความเชิงบวกกว่า เช่น มักถามตัวเองว่า
เกิดเรื่องร้ายๆ แต่เราได้เรียนรู้อะไรดีๆบ้าง
สอง
พวกเขามีช่วงเวลา พลิกฟื้นเยียวยา ที่เร็วมาก เช่น
สมมุติว่าคนทั่วๆไปอกหักมักจะใช้เวลาประมาณสามเดือนกว่าจะหายเจ็บ
แต่คนกลุ่มนี้อาจใช้เลาไม่ถึงเดือน พวกเขาเยียวยาตัวเองเร็วมาก และที่น่าสนใจก็คือ
หากเราต้องการรู้ว่าสุขภาพร่างกายโดยพื้นฐานของใครแข็งแรง
เราจะดูว่าเขาหายป่วยเร็วแค่ไหน ดังนั้นในเรื่องของสุขภาพใจก็คงไม่แตกต่างกัน
เกิดเรื่องกระทบกระเทือนใจ คนที่สุขภาพใจโดยรวมแข็งแรงเท่าไร
ก็จะหายเจ็บเร็วเท่านั้น ได้ฟังอย่างนี้ก็มีความหวัง เพราะไม่ได้มีใครในโลกมีชีวิตที่ง่ายกว่าใคร
แต่วิธีมองโลกและวิธีเยียวยาตัวเองเมื่อเกิดปัญหาต่างหาก
เป็นตัวตัดสินว่าใครจะเป็นคนที่มีความสุขเป็นพิเศษในสังคม
ไม่มาก….ไม่ยาก
ปัญหาของคนเก่งก็คือ
รู้เยอะแต่ทำไม่ได้ เราเห็นคนเก่งมากมายเรียนได้จนจบปริญญาเอก
แต่มีปัญหาชีวิตครอบครัว เห็นคนจบด้านการเงินแต่ลงทุนพลาดจนล้มละลาย
เห็นเด็กเรียนเก่งระดับเกียรตินิยมกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
ความรู้เป็นของมีค่า
เป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพ หาทรัพย์สินสิ่งของมาให้รา
แต่ความรู้และทรัพย์สินไม่ได้ประกันความสุขขั้นละเอียดแม้จำเป็นต่อความสุขพื้นฐาน
แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับความสุขขั้นละเอียดขึ้นไปกว่าวัตถุ และปัญหาก็คือ
มนุษย์เราต้องการความสุขขั้นละเอียดเสียด้วยไม่เช่นนั้น
รวยแค่ไหนก็ไม่วายรู้สึกโหวงๆภายในเรื่อยๆ ต้องหาทางเติมเต็มด้วยคนรอบตัว
ด้วยสิ่งของหรือกิจกรรมต่างๆไม่จบไม่สิ้น
อาร์ซิบาล
แมคเคลอิช พูดไว้น่าสนใจมากว่า
ปัญหาที่โลกมีไม่ใช่เพราะความเชื่อว่าข้อมูลข่าวสารและการค้นพบทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งดี
ความรู้ดีกว่าความเขลาแน่นอนอยู่แล้ว
ปัญหาอยู่ที่ความเชื่อว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จะเปลี่ยนโลกได้ เพราะมันไม่จริง
ปัญหาของโลกนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เรามีข้อมูลไม่พอ
แต่อยู่ที่เราเลือกใช้ข้อมูลที่จะดับทุกข์ได้ให้เราไม่ตรงจุด ทำให้เกิดปัญหามากมาย
หนูดีจึงอยากขอชวนผู้อ่านทุกท่านให้ลองวางสิ่งที่เคยรู้มาทั้งหมด
ที่วิ่งวนอยู่ในหัวทำให้เราสับสนแล้วลองทำใจให้สบาย ยึดหลัก
รู้เพียงไม่มาก
ทำให้รู้ไม่ยาก
แล้วดุว่า
สิ่งใหม่ที่เราเรียนรู้และลองลงมือทำ จะทำให้ชีวิตของเรามีความสุขได้อย่างไร
รู้มาก….มีมาก
ไม่ได้ประกันว่าโลกนี้จะดีขึ้นหรือเราจะสุขขึ้น ความสุขขึ้น
ความสุขจะมีขึ้นได้เมื่อเรารู้ว่าควรวางสิ่งใดลง วางลงเมื่อไหร่ และวางลงเพื่ออะไร
ความสุขประเภทนี้มาพร้อมกับปัญญา มาพร้อมกับความสามารถในการตั้งคำถามที่จะนำเราไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นได้
ในหนังสือเล่มนี้
หนุดีคงไม่มีคำตอบตายตัวเรื่องชีวิตที่เป็นสุขสำหรับทุกคนแต่หนูดีจะขอชวนทุกคนมานั่งพิจารณาชีวิตร่วมกัน
และตั้งคำถามที่ถูกต้องเพื่อให้ชีวิตเดินไปถูกทาง
คนเก่งหรือไม่
เราไม่ได้ดูว่าเขาจำและตอบคำถามได้ดีแค่ไหน แต่เราจะดูที่เขา ตั้งคำถาม
เป็นไหมต่างหาก ท่องจำใครๆก็ได้แต่จะคิดตั้งคำถามให้นอกกรอบ
ให้เส้นทางการเดินไปหาคำตอบไม่หลงทางนั้น ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้
เมื่อทุกข์
การตั้งคำถามว่า ทำไมต้องเป็นฉัน มันไม่ยุติธรรมเลย ทำไมไม่เกิดกับคนอื่นบ้าง
ทำไมโลกนี้ต้องมีความทุกข์ คงไม่ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้
คำถามที่สำคัญที่สุดบนเส้นทางสร้างสรรค์ความสุขน่าจะเป็นว่า
ทำอย่างไรจึงจะช่วยให้ตัวเรา
ครอบครัวของเราสังคมของเรา และโลกของเรามีความสุขขึ้นได้ แม้อีกเพียงสักนิดก็ยังดี
มาร่วมกันค้นหาคำตอบสู้ชีวิตที่เป็นสุขได้อย่างไม่ยากและไม่มากร่วมกันนะคะ
ว่ากันว่า
สมองเป็นเครื่องมือคำนวณที่ลึกล้ำที่สุดในปัจจุบัน
เท่าที่มนุษย์เรารู้จักแถมยังเก่งกว่าคอมพิวเตอร์
ในสมองมีเซลล์สมองมากกว่าหนึ่งแสนล้านเซลล์มีความสามารถในการส่งข้อมูลถึงกันในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีมีความยืดหยุ่นปรับตัวได้รวดเร็วมากกว่าหน่วยชีวภาพใดๆ
ลองทายสิค่ะว่า
ในบรรดาสิ่งอันน่าทึ่งที่สมองของเราสามารถทำได้ทั้งหมดนั้น
หากต้องเลือกทำภารกิจเดียวที่สำคัญที่สุด สมองของเราจะเลือกทำอะไร
ถามง่ายๆก็คือว่า ถ้าสมองถูกสร้างมาให้ทำหน้าที่หนึ่งที่สำคัญที่สุดเพียงหนึ่งเดียว
หน้าที่นั้นคืออะไรค่ะ
หนูดีให้เวลาคิดห้านาทีค่ะ
แล้วค่อยดูคำตอบนะค่ะ
ใครที่ตอบว่า
ภารกิจหลักของสมองคือการคิด เป็นคำตอบที่ผิดค่ะ
ใครที่ตอบว่า
สมองถูกสร้างมาให้จำเป็นงานหลักก็เป็นคำตอบที่ผิดค่ะ
หรือแม้คำตอบที่ว่า
สมองถูกสร้างมาให้เราจิตนาการให้คิดสร้างสรรค์ ให้ทำงานให้วิเคราะห์
ให้จัดการข้อมูลก็ผิดทั้งหมดค่ะ
แน่นอนสมองของเราทำสิ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นและทำได้อย่างดีเสียด้วยแต่ทั้งหมดนั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญของภารกิจหลักค่ะ
ซึ่งภารกิจนั้นก็คือ การเอาชีวิตรอด
โดย วนิษา เรซ
พิมพ์ครั้งแรก
มิถุนายน 2552
ราคา 196
บรรณาธิการ
พาฝัน ศุภวานิช
ออกรูปแบบเล่ม
บริษัท แม่นยำ
จัดพิมพ์โดย
บริษัท อัจฉริยะสร้างได้ จำกัด
พิมพ์ที่
บริษัทฐานการพิมพ์
ชอบเนื้อหามากค่ะ
ตอบลบปลงหรอ
ตอบลบเนื้อหาดีๆ
ตอบลบทำให้คนที่ทุกข์ใจหาทางออกได้
ตอบลบเนื้อหาน่าสนใจ
ตอบลบชอบ เนื้อหาสาระดีมาก
ตอบลบเนื้อแน่นๆ
ตอบลบน่าสนใจ
ตอบลบเนื้อหาดี มีสาระ ได้รับความรู้มากๆเลย
ตอบลบชอบอะ เนื้อหาได้ใจค้า
ตอบลบเนื้อหามีสาระดี
ตอบลบ